วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เกริ่นนำ (ปรับปรุง)


ประวัติความเป็นมาของเรื่อง...

ลิลิตพระลอ ยอดแห่งลิลิต จากวรรณคดีสโมสร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ เป็นเรื่องโศกนาฏกรรมความรัก ลิลิตพระลอ แต่งขึ้นอย่างประณีตงดงาม มีความไพเราะของถ้อยคำสำนวนโวหาร พรรณนาเนื้อเรื่องด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ครบทุกรส แก่นของเรื่องเป็นโศกนาฏกรรม ความรักความแค้น แฝงแง่คิดคติธรรม ความเชื่อ และขนบประเพณี

ทั้งผู้แต่งและปีที่แต่ง ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่อาศัยเนื้อเรื่องที่ระบุถึงสงครามระหว่างไทยกับเชียงใหม่มาเป็นที่อ้างอิง เดิมเชื่อว่าน่าจะแต่งขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙ – ๒๒๓๑) แต่ฟันธงไม่ได้ นี่เป็นหนึ่งความเห็น

นักวิจารณ์วรรณคดีส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ลิลิตพระลอแต่งขึ้นในสมัยอยุธยาแน่ นักวรรณคดีมักจะยกโคลงท้ายบทมาเป็นหลักฐานพิจารณาสมัยที่แต่ง ดังนี้

659.จบเสร็จมหาราชเจ้า นิพนธ์
ยอยศพระลอคน หนึ่งแท้
พี่เลี้ยงอาจเอาตน ตายก่อน พระนา
ในโลกนี้สุดแล้ เลิศล้ำคุงสวรรค์ฯ

660.จบเสร็จเยาวราชเจ้า บรรจง
กลอนกล่าวพระลอยง ยิ่งผู้
ใครฟังย่อมใหลหลง ฤๅอิ่ม ฟังนา
ดิเรกแรกรักชู้ เหิ่มแท้รักจริงฯ

ความว่า "มหาราช" คือกษัตริย์ เป็นผู้แต่ง และ "เยาวราช"เป็นผู้เขียน (บันทึก) และสันนิษฐานว่า ผู้แต่งน่าจะเป็น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ และผู้เขียน คือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ และคาดว่าน่าจะแต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๐๓๔ – ๒๐๗๒ นี่ก็อีกหนึ่งความเห็น

นักวรรณคดีบางท่านเชื่อว่าน่าจะอยู่ในสมัยพระชัยราชาธิราช (พ.ศ. ๒๐๗๗- ๒๐๘๙) เนื่องจากเป็นสมัยที่มีสงครามระหว่างไทยกับเชียงใหม่ และเป็นสมัยแรกที่มีการใช้ปืน (ปืนไฟ) ในการรบ นี่ก็อีกหนึ่งความเห็น

สำนวนภาษาในลิลิตพระลอ อ่านเข้าใจได้ง่ายกว่าวรรณกรรมเรื่องอื่นๆ ในสมัยอยุธยา จึงเป็นเหตุให้นักวิจารณ์บางท่านเสนอว่า ลิลิตพระลอแต่งในสมัยรัตนโกสินทร์ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความเห็น

ก็ว่ากันไปครับ จะแต่งสมัยใด ใครแต่ง ก็อย่าไปเอาเป็นอารมณ์เลยครับ ต่างคนต่างมีเหตุมีผลอ้างอิงทั้งนั้น ผมว่าเรามาเอาส่วนดีของลิลิตเรื่องนี้กันดีกว่านะ

คำประพันธ์ในเรื่องลิลิตพระลอ เป็นลิลิตสุภาพ ประกอบด้วย ร่ายสุภาพ, ร่ายสอดสร้อย, โคลงสองสุภาพ, โคลงสามสุภาพ และ โคลงสี่สุภาพ สลับกันตามจังหวะ ลีลา และเนื้อหาของเรื่อง มีความยาว ๖๖๐ บท

ลิลิตพระลอเป็นเรื่องความรักความแค้นที่เกิดขึ้นกับ ๒ เมือง บรรยายถึงความรักระหว่างพระเอก คือ พระลอ และนางเอกสองคน คือ พระเพื่อน กับพระแพง นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความรักของ นางรื่น นางโรย กับนายแก้ว นายขวัญ พี่เลี้ยงของพระเพื่อนพระแพง และพระลอ (เรื่องย่อผู้เขียน นำเสนอในตอนที่ ๗ ครับ)

ตัวอย่างโคลงสี่สุภาพที่ท๊อปฮิต ติดปากนักอ่าน แล้วข้อสอบภาษาไทยจะเหลือหรือครับ แถมหนึ่งในนั้นยังใช้เป็นแบบฉบับในการแต่งโคลงสี่สุภาพอีกด้วย (บทที่ ๓๐)

๓๐. เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือฯ

๒๑๕. ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่น อยู่นา
ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อรักษาฯ

๒๖๑. ลางลิงลิงลอดไม้ ลางลิง
แลลูกลิงลงชิง ลูกไม้
ลิงลมไล่ลมติง ลิงโลด หนีนา
แลลูกลิงลางไหล้ ลอดเลี้ยวลางลิง ฯ

๒๙๐. ร้อยชู้ฤๅเท่าเนื้อ เมียตน
เมียแล่พันฤๅดล แม่ได้
ทรงครรภ์คลอดเปนคน ฤๅง่าย เลยนา
เลี้ยงยากนักท้าวไท้ ธิราชผู้มีคุณ ฯ

๖๒๕. เสียงไห้ทุกราษฎร์ไห้ ทุกเรือน
อกแผ่นดินดูเหมือน จักขว้ำ
บเห็นตะวันเดือน ดาวมืด มัวนา
แลแห่งใดเห็นน้ำ ย่อมน้ำตาคน ฯ

ลิลิตพระลอ นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดิน ที่มีครบทุกรสชาติของวรรณคดี ไม่ว่าจะเป็นบทรัก บทชมโฉม บทโกรธ และบทเศร้า ทำให้เกิดความเพลิดเพลินเจริญใจในกลวิธีการประพันธ์จนวางแทบไม่ลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น